นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยเตรียมยกระดับความเข้มข้นทุกมาตรการเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากและความเสี่ยงสูง ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพและปริมณฑล ชลบุรี พัทยา ระยอง อุบลราชธานี และที่เน้นหนักมากเป็นพิเศษ คือ สงขลา ภูเก็ต ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
“การยกระดับความเข้มข้นไม่ใช่เป็นการประกาศใช้เคอร์ฟิว แต่ให้ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยไปปรับข้อสั่งการ เช่น การปิดเฉพาะบางพื้นที่ เช่น ตามชายหาด เป็นต้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
ด้านความมั่นคงจะเพิ่มจุดคัดกรองเป็น 377 จุดทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี แต่ฝากให้ทุกคนมีส่วนร่วมกลับสู่เคหะสถานและอยู่บ้านมากขึ้น
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมประชุมในวันที่ 30 มี.ค.นี้ เพื่อจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับคนไทยกลับจากประเทศอิตาลี จากนั้นจะประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหามาตรการดูแล เนื่องจากเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง
ด้านกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานว่า ขณะนี้มีการจัดเตรียมเตียงรองรับผู้ติดเชื้อเพียงพอ ทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และมีการปรับปรุงโรงแรมให้เป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 250 เตียง ใช้รองรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการน้อย
โฆษก ศบค.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำระบบดูแลสต็อกอุปกรณ์เวชภัณฑ์ยา และไม่ใช่ยาให้เพียงพอ พร้อมทั้งมีการจัดเตรียมงบกลางจำนวน 1,500 ล้านบาทให้กับกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานกลางจัดซื้อจัดหาเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ แจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ทางด้านเวชภัณฑ์มีการอนุมัติให้บริษัทเอกชนจำหน่ายชุดตรวจแบบสอดเข้าโพรงจมูกเพิ่มเติม 12 บริษัท และชุดเจาะเลือดตรวจภูมิคุ้มกันอีก 3 บริษัท
ด้านกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานมาตรการดูแลสินค้าราคาแพง โดยเฉพาะไข่ที่มีราคาขายปลีกสูงขึ้น โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการรายใหญ่ 7 แห่ง ยืนยันว่า ไข่ไก่เบอร์ 3 จากราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 2.80 บาท แต่คาดว่าปัญหาเกิดจากพ่อค้าคนกลางที่ทำให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งหากรับมาในราคาหน้าฟาร์มก็สามารถตั้งราคาขายได้ที่ฟองละ 3.35 บาท ซึ่งใครขายเกินราคาก็มีการจับกุมไปแล้ว
พร้อมกันนี้ยังได้มีเตรียมการยกระดับแก้ปัญหาหน้ากากอนามัย โดยตั้งศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยระดับชาติ พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดราคากลางสำหรับเวชภัณฑ์ป้องกันระดับประเทศ และอนุกรรมการพิจารณาการอนุญาตส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งหน้ากากอนามัย
ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กระทบความรู้สึกของบุคลากรทางการแพทย์นั้น นายอนุทิน ชี้แจงแล้วว่า เสียใจกับการที่สื่อสารออกไป ซึ่งข้อมูลตอนแรกที่นายอนุทินได้รับคือแพทย์ที่ติดเชื้อไม่ได้มาจากการปฏิบัติงานทางการแพทย์ แต่เมื่อทราบว่าแพทย์ที่ติดเชื้อมีทั้งการปฏิบัติงาน และชีวิตประจำวัน ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้ว
อย่างไรก็ตาม การดูแลขวัญกำลังใจของแพทย์ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้บริหารทราบเป็นอย่างดีว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมา นายอนุทินพร้อมสนับสนุนทุกอย่าง ขาดเหลืออะไรก็จะใช้เครือข่ายที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เช่น การได้รับบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์จากบริษัทของจีน ซึ่งนายอนุทินสามารถพูดจีนสื่อสารได้เป็นอย่างดี
“เรื่องทุกเรื่องต้องก้าวผ่านไปด้วยกัน หลายๆเรื่องอาจเข้าใจไม่ถูกต้อง ตอนที่ท่านอนุทินมาเป็น รมช.สาธารณสุข พี่น้องสาธารณสุขรักท่านตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีช่วย แต่การทำงานอาจขลุกขลักกันบ้าง แต่เชื่อว่าเรามีวุฒิภาวะเพียงพอ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมประชาชนที่ให้ความร่วมมือมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 เช่น การเว้นระยะห่างในการนั่งรถโดยสารประจำทาง และการเว้นระยะห่างในการนั่งรับประทานอาหาร เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มี.ค. 63)
Tags: COVID-19, กระทรวงมหาดไทย, ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, ศบค., โควิด-19