โบรกเกอร์ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ”หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) รับอานิสงส์ประชาชนแห่กักตุนสินค้าช่วงผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดในไทย หนุนยอดขายพุ่งตามสาขา รวมถึงยอดขายของบมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ที่ CPALL ถือหุ้น 38% ด้วย
เชื่อรับประโยชน์มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภาครัฐ อัดเงินภาคแรงงาน 5,000 บาทต่อรายต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือนวงเงิน 45,000 ล้านบาท และคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าราว 23 ล้านราย ชูจุดเด่นธุรกิจมีความทนทานภาวะเศรษฐกิจขาลง ลุ้นยอดขายพลิกกลับมาเติบโตชัดเจนในครึ่งปีหลัง จับตาควบรวมซื้อกิจการ Tesco ผลักดันยอดขายชัดเจนหนุนอัพไซด์ในอนาคต
ด้าน Valuation ยังมองหุ้น CPALL เป็นบวกรับโครงการซื้อหุ้นคืน 13,000 ล้านบาท จำนวน 180 ล้านหุ้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.–30 ก.ย.63 ซื้อโดยตรงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนดขายคืนภายใน 3 ปีหลังสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืน
ช่วงบ่ายราคาหุ้น CPALL อยู่ที่ 59.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.84% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.79%
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ภาพรวมหุ้นกลุ่มค้าปลีกหลายบริษัทได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายรัฐบาลปิดห้างสรรพสินค้าและสถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล่าสุดฝ่ายวิจัยฯทยอยปรับลดประมาณการกำไรปีนี้กลุ่มค้าปลีก 20-30% จากประมาณการเดิม อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองเชิงบวกกับหุ้น CPALL เนื่องจากสาขา 7-11 ตั้งอยู่นอกห้างจึงสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ขณะที่ราคาหุ้น CPALL เริ่มสร้างฐานได้ดีไม่ปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่เคลื่อนไหวในกรอบ 56.25-60.25 บาท จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสมเพื่อลงทุนในระยะยาวได้เช่นกัน
“แม้ว่าหุ้นค้าปลีกวันนี้ยังได้รับผลกระทบจากการปิดห้างและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง แต่ถ้ามองในระยะกลาง-ยาว ธุรกิจค้าปลีกรายใดที่สามารถเติบโตจากการขยายกิจการ ไม่โดนดิสรัปชั่นก็น่าสนใจซื้อลงทุน ซึ่งหุ้น CPALL นับเป็นหุ้นเด่นที่สุดของกลุ่มฯเพราะเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตได้มั่นคงในระยะกลาง-ยาว”
นายกรภัทร กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มีมุมมองเชิงบวกกับ CPALL เนื่องจากได้อานิสงส์ภายหลังประชาชนแห่กักตุนสินค้าหนุนยอดขายCPALL เพิ่มขึ้นและหนุนยอดขาย MAKRO ซึ่ง CPALL ถือหุ้นอยู่ประมาณ 38% และคาดจะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ อาทิ คืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าราว 23 ล้านราย วงเงินกว่า 33,000 ล้านบาท และแจกเงินภาคแรงงาน 5,000 บาทต่อรายเป็นเวลา 3 เดือน วงเงินรวม 45,000 ล้านบาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ระยะสั้นหุ้น CPALL มีปัจจัยสนับสนุนคือโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 13,000 ล้านบาท หรือ 180 ล้านหุ้น ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.–30 ก.ย.63 โดยจะซื้อโดยตรงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และต้องขายคืนภายใน 3 ปีภายหลังสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืน ขณะที่ CPALL จะได้ปัจจัยบวกจากทั้งยอดการเปิดสาขาและยอดขายที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับติดตามปัจจัยบวกในปีถัดไปหลังจากเข้าซื้อกิจการของ Tesco Asia
“แผนการซื้อหุ้นคืนเป็นบวกต่อหุ้น CPALL และได้ประโยชน์จากความทนทานต่อเศรษฐกิจ และยอดขายร้านยาที่เพิ่มขึ้น และได้ประโยชน์จากการบริโภคในครึ่งปีหลัง รวมถึงการดำเนินงานของ Tesco ผลักดันยอดขายในอนาคต”
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่าฝ่ายวิจัยฯจะปรับลดประมาณการกำไรหุ้นกลุ่มค้าปลีกลง 0.90% และในปี 64 ลงราว 0.40% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการปิดห้างสรรพสินค้าและสถานที่ต่างๆ จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้การคาดหวังฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับเดิมยังมีข้อจำกัด ทั้งนี้ แนะหลีกเลี่ยงหุ้นค้าปลีกได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ยังคงเลือก “ซื้อ” หุ้น CPALL เพราะเป็นผู้จำหน่ายสินค้าจำเป็นและอาหารและสาขาก็เปิดดำเนินการได้ตามปกติ พร้อมกับรับอานิสงส์จากการแห่กักตุนสินค้าช่วยประคับประคองการเติบโตในระยะสั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 63)
Tags: Consensus, CPALL, MAKRO, Tesco Lotus, กลุ่มค้าปลีก, ซีพี ออลล์, สยามแม็คโคร, หุ้นค้าปลีก, แม็คโคร