ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 850 รายการ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทประกาศปลดนายเดนนิส มุยเลนเบิร์ก พ้นตำแหน่งซีอีโอ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,551.53 จุด เพิ่มขึ้น 96.44 จุด หรือ +0.34% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,224.01 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด หรือ +0.09% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,945.65 จุด เพิ่มขึ้น 20.69 จุด หรือ +0.23%
ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันยาวนานถึง 8 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในไม่ช้านี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงการคลังจีนแถลงว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 850 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูแช่แข็ง เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์กระดาษ และอุปกรณ์ไฮเทค โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 โดยรัฐบาลจีนดำเนินการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นการนำเข้า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.86% หลังจากโบอิ้งประกาศปลดนายเดนนิส มุยเลนเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้ ภายหลังจากที่โบอิ้งเผชิญกับวิกฤติความน่าเชื่อถือ นับตั้งแต่เครื่องบินรุ่น 737 MAX ถูกสั่งห้ามขึ้นบิน เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินรุ่น 737 MAX ตกถึง 2 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 ราย
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ บวก 0.2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก บวก 0.7% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.6%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นอาปาเช คอร์ป ทะยานขึ้นกว่า 17% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.5% หุ้นเชฟรอน บวก 0.5%
หุ้นไบเออร์ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (EPA) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งตัดสินว่าบริษัทไบเออร์ต้องรับผิดชอบต่อผู้ที่เป็นมะเร็งจากการใช้ยาฆ่าหญ้า”ราวน์อัพ”ของบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในสหรัฐของไบเออร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 719,000 ยูนิต แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 734,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 710,000 ยูนิตในเดือนต.ค.
ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 2.0% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดริชมอนด์ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 62)