- ค่อนข้างทรงตัว แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ
- กรอบเคลื่อนไหววันนี้ 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์
- จับตาตัวเลขส่งออกของไทยที่จะประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์วันนี้
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 30.20 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.16/21 บาท/ดอลลาร์
“ค่อนข้างทรงตัวแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาเมื่อวันศุกร์จะออกมาค่อนข้างดีกว่าคาด ทั้ง GDP ไตรมาส 3 ที่รายละเอียดไส้ในค่อนข้างดี ตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ก็ค่อนข้างดี คาดว่าตลาดน่าจะรอปัจจัยใหม่ๆ หรือมองข้ามไปถึงปีหน้าแล้ว” นักบริหารเงิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม วันนี้ต้องจับตาตัวเลขส่งออกของไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ระหว่าง 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (20 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.19052% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.18193%
![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2019/12/Baht-vs-US-Dollar-1-1.jpg)
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.41 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 109.23/47 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1078 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่อยู่ที่ระดับ 1.1110/1131 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.1990 บาท/ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ (23-27 ธ.ค.))ที่ 30.10-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่ตลาดรอติดตาม คือ ตัวเลขการส่งออก เดือนพฤศจิกายนของไทย ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การเตรียมการเพื่อลงนามดีลการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนพฤศจิกายน
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562
- สภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 358-234 ให้ความเห็นชอบในหลักการต่อร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษปรับตัวขึ้น 0.4% ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 0.3% และส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่ GDP ของอังกฤษหดตัว 0.2% ในไตรมาส 2
- กระทรวงการคลังจีนออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 850 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและอะโวคาโดแช่แข็ง เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์กระดาษ และอุปกรณ์ไฮเทค โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 นอกจากนี้ รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศบางประเภท โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของ GDP ประจำไตรมาส 3/2562 ที่ระดับ 2.1% ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 แต่สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.9% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการใช้จ่ายในภาครัฐ และเพิ่มขึ้นจากระดับ 2% ในไตรมาส 2/2562
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี PCE ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของของราคารถยนต์ และภาคบริการ ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค.
- โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ลงนามอนุมัติกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์แล้วในวันศุกร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์)
- ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ส่งจดหมายเชิญประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 4 ก.พ.ปีหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 62)