ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.18 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดรอติดตามผลประชุมกนง.กลางสัปดาห์นี้

  • แข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 30.21 บาทต่อดอลลาร์
  • กรอบเคลื่อนไหววันนี้ 30.15-30.25 บาทต่อดอลลาร์
  • ตลาดรอดูผลประชุม กนง. ที่คาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ย แต่จะส่งสัญญาณปีหน้าอย่างไร

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 30.18 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 30.21 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ส่วนปัจจัยในประเทศนั้นตลาดรอดูผลประชุม กนง.ที่คาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ย แต่จะส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอย่างไร

“บาทแข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ ขณะที่ภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม เพราะยังขาดปัจจัยใหม่” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (13 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.11701% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.2993%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 109.38 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 109.65 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1126 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1181 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 30.1830 บาท/ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (16-20 ธ.ค.)ที่ 30.10-30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่ตลาดรอติดตาม คือ ผลการประชุมนโยบายการเงินกนง. (18 ธ.ค.) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญได้แก่ สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสอง รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และ Core PCE Price Index เดือนพ.ย. รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 (final) นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ย. ของจีน และดัชนี PMI เดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ของหลายๆ ประเทศชั้นนำด้วยเช่นกัน
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผย ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ว่า ขณะนี้สหรัฐและจีนยืนยันบรรลุข้อตกลงการค้าระยะแรก (Phase-1) เรียบร้อยแล้วในคืนวันที่ 13 ธันวาคม 2562 (ตามเวลาประเทศไทย) แม้สหรัฐและจีนยังไม่เปิดเผย เนื้อหาข้อตกลงระยะแรกอย่างเป็นทางการ ที่ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการทบทวนทางกฎหมาย และขัดเกลาถ้อยคำก่อนเข้าสู่กระบวนการลงนามต่อไป การยืนยันจากทั้ง 2 ประเทศ จะช่วยให้บรรยากาศทางการค้าดีขึ้น และคลายความกังวลว่าสงครามการค้าจะไม่ลุกลามไปถึงการขึ้นภาษีนำเข้าเต็มจำนวน พร้อมกันนี้สหรัฐประกาศเดินหน้าเจรจาข้อตกลงระยะ 2 (Phase-2 Deal) ทันที
  • ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า สัญญาณสงครามการค้าระหว่างจีน สหรัฐฯมีทิศทางดีขึ้นจากการบรรลุข้อตกลงบางส่วน ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ การค้าโลกและตลาดการเงินโดยรวม คาดทำให้ จีดีพีโลกและระบบการค้าโลกขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า การลงทุน ในตลาดการเงินโลกคึกคักมากขึ้น ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจ มากขึ้นน่าจะมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปลายปีถึง ต้นปีหน้า ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยวโดยภาพรวม
  • เอกชนหวั่น “สหรัฐ-จีน” พักรบชั่วคราว สรท.คาดเจรจาเทรดวอร์เฟส 2 ยังไม่มีสัญญาณดี ขณะส.อ.ท.หวั่นท่าทีสหรัฐหากยังขาดดุลการค้า ห่วงงัดมาตรการกีดกันมาใช้ต่อ “พาณิชย์” ชี้สหรัฐ-จีนหวังลดปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยเตรียม 4 แผนดันส่งออกปีหน้า
  • ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะทำงานด้านการปฏิรูปภาษีเพื่อพิจารณาโครงสร้างภาษีบางเรื่องก่อนจะประกาศใช้หลังช่วงปีใหม่ เพื่อปิดโหว่ด้านภาษี และสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายเขียนไว้ไม่ครอบคลุม ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบและความเป็นธรรมในกลุ่มผู้เสียภาษี
  • สคร.ไล่จี้ “รัฐวิสาหกิจ” เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนท้ายปี หวังพยุงเศรษฐกิจเติบโต เผย พ.ย.เบิกจ่ายรวม 5.6 หมื่นล้านมั่นใจโค้งสุดท้ายปีนี้ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้าน ดันสัดส่วนทั้งปี 95% ทะลุเป้า เปิดแผน ปี 63 เร่งนโยบาย “ฟร้อนท์โหลด” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเต็มที่ ด้านปตท.รับเป้าเร่งลงทุนปีหน้า 9.7 หมื่นล้าน
  • สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลจีนวางแผนที่จะกำหนดเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำลงสู่ระดับราว 6% ในปี 2563 จากระดับ 6-6.5% ในปีนี้ โดยจะพึ่งพาการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในด้านสาธารณูปโภคของรัฐเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
  • ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากขณะนี้ไปจนถึงปีหน้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมต่อไป
  • นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด แม้ว่าสหรัฐประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจีนตกลงจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐสัญญาว่าจะไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ตามแผนที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา
  • ผู้แทนการค้าสหรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันในการเจรจาการค้าเฟสที่สองระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งคำกล่าวขัดแย้งกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐและจีนจะเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสสองโดยทันที แทนที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า

โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา คงขุนเทียน

Tags: , ,
Back to Top